เมื่อเวลาเราวิ่งเร็วขึ้น เราจะรู้สึกว่าเราหายใจแรงขึ้น เราจึงมักจะคิดว่าเป็นเพราะเราสูดอ๊อกซิเจนเข้าไปไม่พอ แต่ความจริงแล้วเราหายใจแรงขึ้นเพราะพยายามไล่คาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นมากจนเกินไปออกไปต่างหาก
การหายใจเข้าควรหายใจโดยใช้กระบังลมจะหายใจได้ลึกกว่า หรือบางคนอาจเรียกว่าหายใจด้วยท้อง
เมื่อหายใจเข้าท้องจะป่อง หายใจออกท้องจะยุบ
credit morguefile.com |
โค้ช Jack Daniels หนึ่งในโค้ชนักกีฬาระดับโลก บอกว่าจังหวะการหายใจ ควรจะเป็น 2-2 ตามจังหวะการก้าวเท้า นักกีฬาระดับ elite (ระดับสุดยอด) ที่เขาคุมทั้งหมด 86% หายใจ จังหวะ 2-2 เว้นแต่การวิ่งรอบสุดท้ายของการแข่งขัน 5 กิโลเมตร หรือ 10 กิโลเมตร จะหายใจด้วยจังหวะ 2-1 หรือ 1-2
โค้ช Jack Daniels ยังแนะนำว่าไม่ควรหายใจแบบ 3-3 แม้ว่าจะเป็น easy long run อาจใช้การหายใจแบบ 3-3 สักไม่กี่นาที แค่เช็คว่ามันยังเป็น easy run อยู่ แต่ควรใช้การหายใจแบบ 2-2 มากกว่า
ส่วนการหายใจตอนวิ่งที่มักจะถามว่าหายใจทางปากหรือจมูก ตัวผมเองหายใจทางปาก แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว จะเข้าทางไหนก็ขอให้หายใจทันกับการวิ่งพอครับ หายใจทางจมูกไม่พอ อาจจะต้องใช้ปากช่วย
ยังไงก็ลองฝึกกันดูนะครับ
ยังไงก็ลองฝึกกันดูนะครับ
ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ Daniels' Running Formula 3rd edition
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น